ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน ปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์ ได้กลายเป็นทางเลือกสำคัญในการดูแลสุขภาพจิตของคนไทย เนื่องจากมีผู้ประสบปัญหาด้านจิตใจมากขึ้นและบริการแบบดั้งเดิมมักต้องรอคิวนาน การพบจิตแพทย์ผ่านช่องทางออนไลน์ช่วยให้เข้าถึงการรักษาได้สะดวก รวดเร็ว และเป็นส่วนตัวมากขึ้น ผู้คนไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกตีตราทางสังคม หรือกลัวการถูกตัดสินเพราะปัญหาสุขภาพใจของตนเอง อีกทั้งปัจจุบันทั้งจิตแพทย์และนักจิตวิทยาคลินิกก็พร้อมให้บริการผ่านระบบออนไลน์ (ปรึกษานักจิตวิทยาออนไลน์) ทำให้การดูแลสุขภาพใจเข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน
สารบัญ
Toggleปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์คืออะไร?
การปรึกษาหมอจิตเวชออนไลน์ คือ การรับคำปรึกษา วินิจฉัย และรักษาปัญหาสุขภาพจิตผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต โดยผู้รับบริการและจิตแพทย์ (หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต) สามารถสื่อสารกันแบบเรียลไทม์ผ่านวิดีโอคอลหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ การให้คำปรึกษาทางจิตเวชผ่านระบบออนไลน์นี้เรียกว่า Telepsychiatry ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่ช่วยให้ผู้มีปัญหาสุขภาพใจเข้าถึงการดูแลรักษาได้ง่ายขึ้น ผู้รับบริการสามารถพูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาคลินิกผ่านวิดีโอ โทรศัพท์ หรือแชทตามแต่แพลตฟอร์มที่ใช้ โดยไม่ต้องเดินทางมาพบแพทย์ที่คลินิกจริง ๆ การปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์นี้มีความเป็นส่วนตัวสูง ผู้รับบริการสามารถเลือกสถานที่ที่ตนรู้สึกสบายใจในการพูดคุยได้ และลดความกังวลเรื่องการเปิดเผยตัวตนให้ผู้อื่นทราบ ทั้งนี้จิตแพทย์ออนไลน์สามารถให้คำแนะนำเบื้องต้น ประเมินอาการ และในหลายกรณียังสามารถสั่งยาให้ผู้ป่วยได้เช่นเดียวกับการพบแพทย์ตามปกติ โดยยาจะจัดส่งถึงบ้านผู้ป่วยอย่างสะดวก ปรึกษาสุขภาพจิตออนไลน์ดีอย่างไร? แล้วเมื่อไหร่ถึงควรปรึกษา?
เมื่อไหร่ควรปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์
หลายคนอาจสงสัยว่าอาการแบบไหนที่ควรเริ่ม ปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์ หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังมีความทุกข์ใจหรือปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ (ไม่ว่าจะเป็นจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาออนไลน์) จะช่วยได้มาก อาการหรือสถานการณ์ต่อไปนี้คือสัญญาณเตือนว่าควรขอคำปรึกษาจากจิตแพทย์ผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ว:
- มีอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวลต่อเนื่อง: รู้สึกเศร้า หดหู่ หมดหวังเป็นเวลานาน หรือมีความวิตกกังวลมากจนเกินไป ไม่มีความสุขกับสิ่งที่เคยชอบ (ภาวะที่บ่งบอกถึงโรคซึมเศร้า) หรือมีความเครียดที่จัดการเองไม่ไหว
- ความผิดปกติด้านการนอนหลับ: นอนไม่หลับ หรือตื่นกลางดึกบ่อย ๆ ส่งผลให้พักผ่อนไม่เพียงพอ (ปัญหานอนไม่หลับทำอย่างไรดี) หรือตรงกันข้าม คือหลับมากเกินไปเนื่องจากความรู้สึกหมดพลัง
- อาการทางกายที่หาสาเหตุไม่ได้: ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หรือมีปัญหาระบบย่อยอาหารโดยไม่มีสาเหตุทางร่างกายชัดเจน ซึ่งอาจเกิดจากความเครียดหรือปัญหาทางใจที่ซ่อนอยู่
- สมาธิและการตัดสินใจถดถอย: มีปัญหาในการมีสมาธิ ความจำแย่ลง ตัดสินใจเรื่องง่าย ๆ ได้ยาก หรือรู้สึกคิดอะไรไม่ออก ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้บ่งชี้ว่าสุขภาพจิตอาจกำลังมีปัญหา
- พฤติกรรมเปลี่ยนไปและความสัมพันธ์มีปัญหา: ใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์เพื่อบรรเทาความทุกข์ใจ มีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือถอนตัวจากสังคม นอกจากนี้ หากมีปัญหาความสัมพันธ์ที่แก้ไม่ตก เช่น ทะเลาะกับคนรักหรือครอบครัวบ่อยครั้ง (เป็นสัญญาณว่าควรขอคำปรึกษาเรื่อง ปัญหาความสัมพันธ์ ทางออกของความรักที่ต้องการความเข้าใจ กับผู้เชี่ยวชาญ)
หากคุณมีอาการดังกล่าวข้างต้นหลายข้อและรู้สึกว่าปัญหาเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิต ห้ามปล่อยไว้โดยไม่รับความช่วยเหลือ! การพูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาจะช่วยให้เข้าใจตนเองและหาทางออกที่เหมาะสมได้ก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้น การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรือน่าอาย และไม่จำเป็นต้องรอให้ป่วยหนักถึงจะขอความช่วยเหลือได้ กล่าวคือ แม้มีเพียงความเครียดหรือความทุกข์ใจเล็กน้อยก็สามารถเริ่ม ปรึกษาหมอจิตเวชออนไลน์ เพื่อรับคำแนะนำได้ทันที ยิ่งเข้ารับคำปรึกษาเร็วเท่าไร ก็ยิ่งช่วยป้องกันไม่ให้อาการลุกลามและฟื้นฟูสุขภาพใจได้เร็วขึ้น นอกจากนี้สำหรับบางคนที่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหรือไม่สะดวกไปพบแพทย์ด้วยตนเอง ปัจจุบันมีบริการสายด่วนและโครงการจากภาครัฐที่เปิดโอกาสให้ปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตได้ฟรี (เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง) อีกด้วย. วิธีนี้ถือเป็นการเข้าถึงความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีผ่านบริการปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์.
ข้อดีของการปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์
การปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์ มีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพใจ (รวมถึงการปรึกษานักจิตวิทยาออนไลน์ด้วย) ดังนี้:
- เข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น: บริการออนไลน์ช่วยให้ผู้ที่อยู่ห่างไกลหรือไม่สะดวกเดินทางสามารถเข้าถึงจิตแพทย์ได้โดยง่าย แตกต่างจากอดีตที่ผู้ป่วยในพื้นที่ชนบทอาจหาหมอเฉพาะทางได้ยาก ปัจจุบันนี้ก็สามารถขอความช่วยเหลือผ่านอินเทอร์เน็ตได้แล้ว
- มีความเป็นส่วนตัว ลดความรู้สึกอาย: ผู้ป่วยบางคนอาจลังเลที่จะไปคลินิกจิตเวช เนื่องจากกังวลเรื่องการถูกตีตรา การถูกตัดสิน เพราะความเจ็บป่วยทางจิตของตนเอง ซึ่งการแพทย์ทางไกลจะมอบความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ป่วยได้มากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถรับการรักษาได้ง่ายขึ้น
- สะดวกและประหยัดเวลา: ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางหรือลางานเพื่อไปพบแพทย์ เพียงนัดหมายออนไลน์ก็ได้รับการดูแลจากที่บ้านหรือที่ใดก็ได้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและความยุ่งยากในการรอคิว พบว่า Telemedicine ช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงพยาบาลได้อย่างมาก
- ดูแลต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย: ผู้ป่วยสามารถรับการปรึกษาได้ต่อเนื่องเป็นประจำตามที่แพทย์นัด ผ่านช่องทางออนไลน์ซึ่งสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องติดตามอาการนาน ๆ โดยอยู่ในบ้านหรือสถานที่ที่ตนสบายใจ สิ่งนี้ทำให้ผู้ป่วยผ่อนคลายและสื่อสารกับแพทย์ได้ตรงไปตรงมามากขึ้น ซึ่งจำเป็นต่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
ข้อดีเหล่านี้ทำให้การปรึกษาทางออนไลน์เป็นตัวเลือกที่ช่วยส่งเสริมให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพจิตของตนเองมากขึ้น เพราะทั้งสะดวก ปลอดภัย และยังได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญเหมือนเดิมทุกประการ

ขั้นตอนการปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์
แม้การปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์ จะฟังดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับบางคน แต่ขั้นตอนนั้นไม่ยุ่งยากเลย โดยทั่วไปสามารถสรุปได้ดังนี้:
- เลือกแพลตฟอร์มหรือผู้ให้บริการ: เริ่มต้นด้วยการค้นหาแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันหรือคลินิกที่มีบริการปรึกษาสุขภาพใจออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ ควรพิจารณาผู้ให้บริการที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชหรือนักจิตวิทยาที่มีใบอนุญาตชัดเจน รวมถึงมีมาตรฐานการรักษาข้อมูลความลับของผู้ป่วย
- ลงทะเบียนและนัดหมาย: เมื่อเลือกผู้ให้บริการได้แล้ว ให้ทำการลงทะเบียนสร้างบัญชีผู้ใช้งาน โดยกรอกประวัติและข้อมูลที่จำเป็น จากนั้นจึงเลือกวัน-เวลาที่ต้องการนัดปรึกษากับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาที่ต้องการ ระบบมักจะแสดงตารางคิวที่ว่างให้ผู้ใช้เลือกตามความสะดวก
- เตรียมตัวก่อนวันนัด: ก่อนถึงเวลาปรึกษาจริง ควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เช่น โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ที่ต่ออินเทอร์เน็ตและมีกล้องเว็บแคม ตรวจสอบความเสถียรของอินเทอร์เน็ตและสถานที่ที่ใช้สนทนาให้มีความเงียบและเป็นส่วนตัว นอกจากนี้อาจเตรียมรายการประเด็นหรือคำถามที่อยากปรึกษาไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่นและครบถ้วน
- เข้ารับการปรึกษาผ่านวิดีโอคอล: เมื่อถึงเวลานัดหมาย ให้เข้าสู่ระบบหรือแอปพลิเคชันแล้วเริ่มการวิดีโอคอลกับจิตแพทย์ตามเวลาที่จองไว้ การพูดคุยจะคล้ายกับการพบแพทย์ต่อหน้า โดยแพทย์จะสอบถามอาการ ความรู้สึก และประวัติต่าง ๆ ผู้รับบริการควรเปิดใจพูดคุยตามจริงเพื่อให้แพทย์ประเมินได้อย่างถูกต้อง การปรึกษาแต่ละครั้งมักใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ตามแนวทางของผู้ให้บริการแต่ละราย
- รับคำแนะนำ การรักษา และติดตามผล: เมื่อจบการปรึกษา แพทย์จะแจกแจงผลการประเมินและให้คำแนะนำในการดูแลตนเอง อาจสอนเทคนิคการผ่อนคลายหรือการปรับความคิดเพื่อรับมือกับปัญหา ในกรณีที่จำเป็น แพทย์สามารถสั่งยาให้ผู้ป่วย โดยแพทย์บางแห่งจะจัดส่งยาทางไปรษณีย์หรือแมสเซนเจอร์ถึงบ้านผู้รับบริการอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง หลังจากนั้น แพทย์อาจนัดหมายติดตามผลการรักษาในการปรึกษาครั้งถัดไป หรือแนะนำการบำบัดเพิ่มเติม (เช่น การทำจิตบำบัดกับนักจิตวิทยา) ตามความเหมาะสมของแต่ละกรณี
เมื่อปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ ผู้รับบริการจะพบว่าการปรึกษาผ่านระบบออนไลน์ไม่ได้น่ากังวลอย่างที่คิด และยังได้รับความสะดวกสบายในการดูแลสุขภาพใจโดยที่คุณอยู่ที่บ้านหรือที่ใดก็ได้
ข้อจำกัดของการปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์
แม้ข้อดีของการปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์ จะมีมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ผู้ใช้บริการควรทราบไว้ด้วยเช่นกัน การรักษาทางไกลอาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยบางกรณี และจำเป็นต้องปรับรูปแบบการรักษาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละคน ข้อควรระวังและข้อจำกัด ได้แก่:
- กรณีฉุกเฉินหรือมีความเสี่ยงสูง: หากผู้ป่วยมีความคิดทำร้ายตัวเองอย่างรุนแรง หรือมีอาการทางจิตที่เป็นภาวะฉุกเฉิน (เช่น ควบคุมตนเองไม่ได้อย่างเฉียบพลัน มีแนวโน้มทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น) การปรึกษาออนไลน์อาจไม่รวดเร็วหรือเพียงพอที่จะช่วยเหลือทันเวลา ในสถานการณ์เช่นนี้ควรติดต่อแพทย์หรือสายด่วนฉุกเฉินทันที (โทร 1323 สายด่วนสุขภาพจิต หรือไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน) เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและปลอดภัย
- กรณีที่ต้องตรวจร่างกายหรือการรักษาเฉพาะทาง: บางปัญหาสุขภาพจิตอาจต้องการการตรวจร่างกายหรือการประเมินอย่างละเอียดที่ไม่สามารถทำผ่านวิดีโอคอลได้ เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตขั้นรุนแรงที่อาจจำเป็นต้องตรวจร่างกาย ตรวจเลือด หรือรับการรักษาด้วยเครื่องมือพิเศษ (เช่น การกระตุ้นไฟฟ้าสมอง ECT) ซึ่งกรณีเหล่านี้แพทย์อาจแนะนำให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยตรง นอกจากนี้ผู้ป่วยบางรายที่มีข้อจำกัดในการใช้เทคโนโลยี (เช่น ผู้สูงอายุที่ใช้สมาร์ทโฟนไม่คล่อง) ก็อาจพบปัญหาในการใช้บริการออนไลน์
- ความรู้สึกของผู้รับบริการ: แม้ว่าหลายคนจะรู้สึกสบายใจกับการปรึกษาออนไลน์ แต่ผู้รับบริการบางรายอาจยังรู้สึกว่าการพบแพทย์ตัวต่อตัวให้ความอุ่นใจมากกว่า ซึ่งความรู้สึกนี้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล การรักษาที่ดีที่สุดคือรูปแบบที่ผู้ป่วยสบายใจและให้ความร่วมมือได้มากที่สุด
การทราบข้อจำกัดเหล่านี้จะช่วยให้ผู้รับบริการเลือกใช้ช่องทางการปรึกษาที่เหมาะกับสถานการณ์ของตนเอง หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์ถึงรูปแบบการดูแลที่เหมาะสม ซึ่งอาจเป็นการผสมผสานระหว่างการปรึกษาออนไลน์และการพบแพทย์ต่อหน้าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด

ปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์ที่ไหนดี
เมื่อตัดสินใจจะดูแลสุขภาพใจผ่านช่องทางออนไลน์ คำถามต่อมาคือ ปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์ที่ไหนดี? การเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของแต่ละบุคคล โดยมีคำแนะนำในการพิจารณาดังนี้:
- ความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ: เลือกแพลตฟอร์มหรือคลินิกที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ ตรวจสอบว่าเป็นหน่วยงานทางการแพทย์หรือบริษัทที่ได้รับการรับรอง มีข้อมูลติดต่อที่ชัดเจน และมีสถานที่ตั้งหรือทะเบียนการค้าที่ตรวจสอบได้
- ทีมผู้เชี่ยวชาญและใบอนุญาต: ควรตรวจสอบว่าผู้ให้คำปรึกษาบนแพลตฟอร์มนั้น ๆ เป็นจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาที่มีใบประกอบโรคศิลปะจริง มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านที่คุณต้องการปรึกษา เช่น บางแห่งมีจิตแพทย์เฉพาะทางด้านเด็กและวัยรุ่น นักจิตวิทยาคลินิก หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดเฉพาะทาง
- มาตรฐานความปลอดภัยและความลับ: แพลตฟอร์มควรมีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและความลับของผู้ป่วยอย่างเข้มงวด ระบบวิดีโอคอลควรมีความเสถียรและเข้ารหัสปลอดภัย เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล ผู้ใช้ควรรู้สึกมั่นใจว่าการพูดคุยกับแพทย์จะถูกเก็บรักษาเป็นความลับ
- รีวิวและประสบการณ์ผู้ใช้: ค้นหาความเห็นหรือรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการมาก่อน เพื่อประเมินคุณภาพการบริการ เช่น ความพึงพอใจในตัวแพทย์ ความง่ายในการใช้งานแอป ความตรงต่อเวลาของการนัดหมาย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ควรใช้วิจารณญาณในการอ่านรีวิวและเลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
- ค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่า: เปรียบเทียบอัตราค่าบริการของแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งอาจคิดเป็นรายครั้งหรือเป็นแพ็กเกจ นอกจากนี้สอบถามว่ามีสิทธิ์เบิกประกันหรือไม่ หรือมีช่วงโปรโมชั่นลดราคาบ้างหรือเปล่า หากงบประมาณจำกัด ให้พิจารณาช่องทางปรึกษาที่มีค่าใช้จ่ายเหมาะสมหรือไม่มีค่าใช้จ่าย ในปัจจุบันภาครัฐมีบริการปรึกษาสุขภาพจิตบางส่วนที่ฟรี สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ปัจจุบันภาครัฐมีบริการปรึกษาสุขภาพจิตบางส่วนที่ให้คำปรึกษาฟรี เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือเบื้องต้นได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการการดูแลแบบต่อเนื่องและเจาะลึกในปัญหาเฉพาะบุคคล การปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์กับทีมผู้เชี่ยวชาญของ Mind D Clinic เป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความสะดวกและมาตรฐานการรักษา
เมื่อพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว คุณก็จะพอมองเห็นว่าแพลตฟอร์มหรือผู้ให้บริการรายใดเหมาะกับความต้องการของตนเองมากที่สุด สุดท้ายนี้ ควรเลือกช่องทางที่คุณรู้สึกสบายใจและเชื่อมั่นที่จะพูดคุยด้วยมากที่สุด เพราะการรักษาจะได้ผลดีเมื่อผู้รับบริการผ่อนคลายและเปิดใจพูดคุยอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษากับจิตแพทย์ของโรงพยาบาลชื่อดังผ่านวิดีโอคอล หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญผ่านแอปพลิเคชันเอกชนชื่อดัง ก็ล้วนแต่มีเป้าหมายเดียวกันคือช่วยให้คุณมีสุขภาพใจที่ดีขึ้น
บทสรุป
ปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์ ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ยุคสมัย เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถดูแลสุขภาพจิตของตนเองได้สะดวกและรวดเร็วขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางหรือการตีตราจากสังคม การพูดคุยกับจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรือน่าอายอีกต่อไป ตรงกันข้าม การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะจัดการกับความคิด อารมณ์ และความรู้สึกของตัวเองได้ดีขึ้น และได้ตระหนักถึงปัญหาสุขภาพใจของตัวเองก่อนที่อาการจะแย่ลง เมื่อได้รับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม เราจะรู้สึกมั่นใจและสบายใจขึ้นในชีวิตประจำวัน แพลตฟอร์มออนไลน์และคลินิกต่าง ๆ ในปัจจุบันก็มีทีมจิตแพทย์และนักจิตวิทยาคอยให้ความช่วยเหลือทุกวันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากคุณกำลังเผชิญปัญหาทางใจ อย่าลังเลที่จะลองใช้บริการปรึกษาจิตแพทย์ผ่านช่องทางออนไลน์ดู เพราะสุขภาพใจที่ดีขึ้นจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคุณเช่นกัน
อ่านเพิ่มเติม: