ผศ.ดร.พญ. ธนาวดี ประชาสันติ์ จิตแพทย์

ผศ.ดร.พญ ธนาวดี ประชาสันติ์ PNG

ผศ.ดร.พญ. ธนาวดี ประชาสันติ์ คือจิตแพทย์ที่ทำงานผสานวิชาการกับงานคลินิกอย่างสมดุล มุ่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้ป่วยได้เล่าเรื่องราวชีวิตและตั้งเป้าหมายร่วมกัน เธอให้ความสำคัญกับกระบวนการประเมินที่เป็นระบบ การสื่อสารที่ชัดเจน และการเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะกับบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการบำบัดรายบุคคล การทำงานกับครอบครัว หรือการประสานกับทีมสหสาขาเพื่อให้การดูแลครบถ้วน

การทำงานของคุณหมอคำนึงถึงทั้งชีวภาพ จิตใจ และสังคม เพราะปัญหาสุขภาพจิตมักเชื่อมโยงหลายมิติ การประเมินอย่างละเอียดช่วยให้เห็นภาพรอบด้าน ตั้งแต่รูปแบบความคิด อารมณ์ ความเครียด ไปจนถึงบริบทครอบครัวและการทำงาน วิธีคิดแบบองค์รวมนี้ทำให้การรักษาเดินไปในทิศทางที่ตรงจุดและยั่งยืน

ประวัติการศึกษา

พื้นฐานทางวิชาการของคุณหมอมาจากสถาบันแพทย์ชั้นนำ และต่อยอดสู่ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านจิตเวชอย่างชัดเจน กระบวนการเรียนรู้ยาวนานเหล่านี้หล่อหลอมให้เธอมีทั้งความรู้เชิงลึกและทักษะปฏิบัติที่แม่นยำ

  • พ.ศ. 2546–2555 แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
    ในช่วงนี้เธอหลงใหลการทำความเข้าใจสมองและพฤติกรรมมนุษย์ จึงมุ่งสู่เส้นทางจิตเวชอย่างจริงจัง
  • พ.ศ. 2556–2558 วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
    การฝึกอบรมเฉพาะทางทำให้เธอเชี่ยวชาญการประเมิน การวินิจฉัย และการบำบัดด้วยวิธีที่มีหลักฐานรองรับ

ประสบการณ์ทั้งสองสถาบันทำให้คุณหมอคุ้นเคยกับมาตรฐานวิชาชีพระดับสากล และสามารถแปลความรู้เชิงทฤษฎีให้เป็นการรักษาที่ใช้ได้จริงในบริบทไทย

ผศ.ดร.พญ ธนาวดี ประชาสันติ์

ประสบการณ์ทำงาน

ประสบการณ์คลินิกและงานสอนคือรากฐานที่ทำให้แนวทางรักษามีความเป็นระบบ คุณหมอทำงานกับผู้ป่วยหลากหลายวัยและปัญหา พร้อมกับถ่ายทอดความรู้ให้บุคลากรรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง

  • พ.ศ. 2559–ปัจจุบัน อาจารย์จิตแพทย์ประจำภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
    บทบาทอาจารย์แพทย์ทำให้เธอทำงานร่วมกับทีมสหสาขา ตั้งแต่จิตแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อออกแบบการรักษาที่ครบวงจร
  • พ.ศ. 2565–2566 Visiting Researcher, Department of Psychiatry and Neuropsychology, School for Mental Health and Neurosciences, Maastricht University Medical Center, The Netherlands
    ประสบการณ์วิจัยต่างประเทศช่วยขยายมุมมองด้านประสาทจิตเวชศาสตร์ ทำให้เธอนำองค์ความรู้ใหม่มาเชื่อมกับงานคลินิกในไทยได้อย่างเหมาะสม

การทำงานที่เชื่อมระหว่างคลินิกและวิจัยช่วยให้คุณหมอเห็นภาพตั้งแต่ระดับอาการไปจนถึงกลไกในสมองและระบบประสาท ส่งผลให้การวางแผนการรักษาแม่นยำและทันสมัย

ความเชี่ยวชาญและแนวทางการรักษา

คุณหมอให้บริการครอบคลุมตั้งแต่การประเมิน การใช้ยาอย่างสมเหตุผล ไปจนถึงจิตบำบัดหลายแนวทาง โดยคัดเลือกตามลักษณะปัญหาและความพร้อมของแต่ละบุคคล

  • จิตเวชและประสาทจิตเวชศาสตร์
    ครอบคลุมโรคอารมณ์ วิตกกังวล ซึมเศร้า โรคจิต ความผิดปกติของการนอน รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองและระบบประสาท การประเมินเชิงประสาทจิตวิทยาถูกนำมาใช้เมื่อจำเป็น
  • จิตบำบัดแบบประคับประคอง หรือ Supportive Psychotherapy
    เหมาะกับภาวะที่ต้องการเสริมพลังใจและทักษะเผชิญปัญหาอย่างเร่งด่วน ช่วยจัดวางมุมมอง ปรับกิจวัตร และเพิ่มการดูแลตนเองในชีวิตประจำวัน
  • จิตบำบัดตามแนวซาเทียร์ หรือ Satir Transformation Systemic Therapy
    เน้นระบบความสัมพันธ์ในครอบครัวและรูปแบบการสื่อสาร ช่วยให้สมาชิกเข้าใจกันมากขึ้น ลดความตึงเครียด และสร้างข้อตกลงใหม่ที่นำไปใช้ได้จริง

แนวทางเหล่านี้อาจถูกผสานเข้าด้วยกันตามความจำเป็น เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ยืดหยุ่นและสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิต

ปรัชญาการดูแลและคุณค่าที่มุ่งยึดถือ

จุดตั้งต้นของการรักษาคือการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คุณหมอมองว่าทุกคนมีศักยภาพที่จะฟื้นตัวได้ หากได้รับข้อมูลที่ชัดเจน การสนับสนุนที่เหมาะสม และพื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้ทักษะใหม่ การตัดสินใจร่วมกันเป็นหลักที่เธอยึดถือ เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวรู้บทบาทของตนเองและเป็นเจ้าของเส้นทางการรักษา

อีกหนึ่งคุณค่าที่สำคัญคือการสื่อสารอย่างโปร่งใส ตั้งแต่การอธิบายโรค กระบวนการใช้ยา ผลข้างเคียง ไปจนถึงตัวเลือกจิตบำบัด การทำให้ข้อมูลเข้าใจง่ายช่วยลดความกังวล และทำให้การรักษาเดินไปด้วยความเชื่อมั่น

กลุ่มอาการและปัญหาที่ดูแลบ่อย

ประเด็นที่ผู้รับบริการมักมาปรึกษามีความหลากหลาย คุณหมอจึงจัดแผนให้เหมาะกับอายุ บริบท และทรัพยากรที่มีอยู่

  • ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลที่กระทบการทำงาน การเรียน และความสัมพันธ์
  • อาการนอนไม่หลับ หลับตื้น หรือวงจรการนอนผิดปกติ
  • ความเครียดเรื้อรังและภาวะหมดไฟจากงาน
  • โรคจิตเภทและอาการหลงผิดที่ต้องการการดูแลระยะยาว
  • อาการหลังเหตุการณ์กระทบกระเทือนใจและปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว

การคัดกรองความเสี่ยงเป็นขั้นตอนสำคัญ โดยเฉพาะความคิดทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและเป็นระบบ

กระบวนการรับบริการแบบเป็นขั้นตอน

เพื่อให้การรักษาชัดเจนและวัดผลได้ คุณหมอวางกระบวนการดูแลเป็นลำดับต่อไปนี้

  1. นัดหมายและคัดกรองเบื้องต้น
    ทีมงานสอบถามอาการ ระยะเวลา สถานการณ์กระตุ้น และยาที่ใช้อยู่ เพื่อวางเวลาพบแพทย์และเตรียมเอกสารประกอบ
  2. ซักประวัติและประเมินทางจิตเวช
    คุณหมอรวบรวมข้อมูลชีวภาพ จิตใจ และสังคม หากจำเป็นอาจใช้แบบประเมินหรือการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อประกอบการวินิจฉัย
  3. สรุปแผนการรักษาร่วมกัน
    กำหนดเป้าหมายที่วัดผลได้ เลือกวิธี เช่น การใช้ยา จิตบำบัด หรือการผสานทั้งสอง พร้อมวางแผนติดตามผลและตัวชี้วัดความก้าวหน้า
  4. ติดตามอาการและปรับแผน
    ประเมินผลสม่ำเสมอ ปรับขนาดยาและเทคนิคบำบัดตามอาการจริง พร้อมให้คำแนะนำด้านการนอน โภชนาการ การออกกำลังกาย และการจัดการความเครียด

สิ่งที่ผู้ป่วยมักได้ฝึกฝนระหว่างการรักษา

การรักษาที่ดีไม่หยุดอยู่ที่ห้องตรวจ แต่ต่อยอดสู่ชีวิตประจำวัน คุณหมอจึงมอบทักษะที่นำไปใช้ได้จริง

  • การบันทึกอารมณ์และเหตุการณ์ เพื่อมองเห็นรูปแบบที่เชื่อมโยงกับอาการ
  • เทคนิคผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การหายใจอย่างมีสติ และการฝึกจดจ่อ
  • การสื่อสารเชิงสร้างสรรค์เพื่อลดความขัดแย้งในครอบครัว
  • การวางแผนกิจวัตรที่เสริมพลัง เช่น เวลานอนที่สม่ำเสมอและการเคลื่อนไหวร่างกาย
  • การตั้งเป้าหมายย่อยที่ทำได้จริงและทบทวนผลตามระยะ

เหตุผลที่หลายเคสเลือกแนว Supportive Psychotherapy

แนวทางนี้เหมาะกับผู้ที่มีความทุกข์สูง ต้องการพยุงอารมณ์และสร้างทักษะพื้นฐานอย่างเร่งด่วน ก่อนจะค่อยๆ ลงลึกถึงรากของปัญหา ข้อดีคือโครงสร้างยืดหยุ่น ใช้ได้กับช่วงวิกฤต และสามารถผสานเข้ากับการรักษาด้วยยา ช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวและเพิ่มความมั่นใจในการจัดการชีวิตประจำวัน

การทำงานแบบระบบด้วยแนว Satir

เมื่อปัญหาโยงกับความสัมพันธ์ในครอบครัว คุณหมออาจเลือกแนวซาเทียร์ซึ่งเน้นการมองเห็นรูปแบบการสื่อสารและบทบาทที่สมาชิกแต่ละคนรับผิดชอบ เครื่องมือเช่นท่าทางการสื่อสาร แผนภาพครอบครัว และการซ้อมบทสนทนาช่วยลดความตึงเครียด เปิดพื้นที่ให้ทุกคนเข้าใจความต้องการของกันและกันมากขึ้น

ความร่วมมือกับทีมสหสาขา

ผู้ป่วยแต่ละคนอาจต้องการทรัพยากรต่างกัน คุณหมอจึงทำงานร่วมกับจิตแพทย์ท่านอื่น นักจิตวิทยาคลินิก นักกิจกรรมบำบัด นักสังคมสงเคราะห์ และพยาบาล เพื่อให้การดูแลไม่หลุดช่วง รวมถึงประสานสถานศึกษาและที่ทำงานเมื่อได้รับความยินยอม การทำงานแบบทีมทำให้แผนรักษาเดินไปในทิศทางเดียวกันและผลลัพธ์ยั่งยืนกว่า

การใช้ยาอย่างสมเหตุผลและปลอดภัย

คุณหมออธิบายข้อดี ข้อจำกัด และผลข้างเคียงของยาอย่างโปร่งใส เพื่อให้ผู้ป่วยตัดสินใจบนข้อมูลจริง หลักการคือใช้ขนาดต่ำสุดที่ได้ผล ติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ และทบทวนความจำเป็นอยู่เสมอ เมื่ออาการดีขึ้นจะค่อยๆ ปรับเพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง การดูแลแบบนี้ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นคงกับแผนการรักษา

บทบาทงานวิจัยและการพัฒนาความรู้

ประสบการณ์ Visiting Researcher ที่เนเธอร์แลนด์ช่วยเติมเต็มมิติวิจัยของคุณหมอ เธอสนใจประเด็นที่เชื่อมสมอง อารมณ์ และพฤติกรรม ซึ่งมีประโยชน์ต่อการประเมินและการออกแบบการบำบัดในผู้ป่วยจริง การอัปเดตองค์ความรู้อย่างต่อเนื่องทำให้แนวทางรักษาของเธอทันสมัยและอิงหลักฐาน

วิธีเตรียมตัวก่อนเข้าพบจิตแพทย์

การเตรียมข้อมูลช่วยให้การพบแพทย์มีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น

  • จดอาการสำคัญ ระยะเวลา ปัจจัยกระตุ้น และสิ่งที่ช่วยให้อาการดีขึ้น
  • จดรายชื่อยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรที่ใช้อยู่
  • หากมีผลตรวจหรือใบส่งตัวให้นำมาด้วย
  • วางเป้าหมายที่อยากให้ดีขึ้นในช่วง 4–8 สัปดาห์แรก

การเตรียมตัวแบบนี้ทำให้การวินิจฉัยชัดเจนและวางแผนรักษาได้ตรงจุด

คำถามที่พบบ่อย

ต้องพบกี่ครั้งจึงเห็นผล?

จำนวนครั้งแตกต่างกันไปตามความซับซ้อนของอาการ หลายเคสเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นใน 4–6 สัปดาห์เมื่อมีการติดตามอย่างสม่ำเสมอและทำงานร่วมกับแผนที่ตกลงกันไว้

การใช้ยาจำเป็นเสมอหรือไม่?

ไม่จำเป็นเสมอไป เคสจำนวนมากได้ประโยชน์จากจิตบำบัดเพียงอย่างเดียว ส่วนกรณีที่อาการรุนแรงหรือเรื้อรังอาจต้องผสานการใช้ยา โดยจะพิจารณาเป็นรายบุคคล

จะบอกคนรอบตัวอย่างไร?

คุณหมอแนะนำให้เริ่มจากคนที่ไว้วางใจ อธิบายอาการและแผนการรักษาอย่างสั้น กระชับ และขอความร่วมมือในเรื่องที่ช่วยได้จริง เช่น การปรับเวลาพักผ่อนหรือการติดตามนัด

ถ้ารู้สึกไม่พร้อมเล่าเรื่องยากควรทำอย่างไร?

สามารถกำหนดขอบเขตการเล่าได้เสมอ การรักษาจะค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากสิ่งที่รู้สึกปลอดภัยก่อน แล้วจึงค่อยขยับสู่ประเด็นที่ลึกขึ้นเมื่อพร้อม

แนวทางติดตามผลและการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

เมื่ออาการดีขึ้น แผนรักษาจะเปลี่ยนสู่การคงสภาพและป้องกันการกำเริบ โดยเน้นทักษะดูแลตนเองและตัวชี้วัดเตือนภัยส่วนบุคคล ผู้ป่วยจะได้รับคู่มือสั้นๆ ที่รวบรวมสัญญาณเตือนและแนวทางรับมือ เช่น การติดต่อทีมรักษาเมื่อมีอาการนอนเสียสมดุลหรือความเครียดสูงเกินไป วิธีการนี้ช่วยให้รักษาผลลัพธ์ระยะยาวได้ดี

วิธีนัดหมายและช่องทางติดต่อ

สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นดูแลใจ สามารถติดต่อผ่านช่องทางของคลินิกหรือโรงพยาบาลตามสะดวก ทีมงานจะช่วยแนะนำขั้นตอน เอกสารที่ต้องเตรียม และช่วงเวลาที่เหมาะสม การเริ่มคุยกับผู้เชี่ยวชาญคือก้าวแรกที่สำคัญบนเส้นทางการฟื้นตัว

สรุปภาพรวมการทำงาน

ผศ.ดร.พญ. ธนาวดี ประชาสันติ์ ทำงานอย่างมุ่งมั่นเพื่อให้การรักษาเป็นประสบการณ์ที่ปลอดภัย ชัดเจน และวัดผลได้ เธอเชี่ยวชาญจิตเวชและประสาทจิตเวชศาสตร์ ผสานแนวทาง Supportive Psychotherapy และ Satir Transformation Systemic Therapy ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ประสบการณ์อาจารย์แพทย์และงานวิจัยต่างประเทศช่วยยกระดับมาตรฐานการดูแลให้ทันสมัย หากคุณกำลังมองหาจิตแพทย์ที่ให้ความสำคัญกับการตัดสินใจร่วมกันและการรักษาที่ใช้งานได้จริง การนัดหมายเพื่อพูดคุยกับคุณหมอคือจุดเริ่มต้นที่ดี

Related articles