อาจารย์ พิชญา ชาญนคร จิตแพทย์

อาจารย์ พิชญา ชาญนคร จิตแพทย์

อาจารย์ พิชญา ชาญนคร ทำงานด้วยแนวคิดแบบองค์รวมที่มองทั้งชีวภาพ จิตใจ และสังคมไปพร้อมกัน เพื่อออกแบบแผนการรักษาที่สอดคล้องกับชีวิตจริงของผู้ป่วยแต่ละคน แกนหลักของการดูแลคือการประเมินที่เป็นระบบ การสื่อสารโปร่งใส และการตัดสินใจร่วมกันระหว่างแพทย์ ผู้ป่วย และครอบครัว

หมอพลอยให้ความสำคัญกับพื้นที่ปลอดภัยในการเล่าเรื่องราวและความรู้สึก โดยเริ่มจากเป้าหมายใกล้ตัวที่ทำได้จริงก่อน แล้วค่อยต่อยอดสู่การเปลี่ยนแปลงระยะยาว วิธีคิดแบบค่อยเป็นค่อยไปเช่นนี้ช่วยให้ผู้ป่วยเห็นความก้าวหน้าเป็นรูปธรรมและรู้สึกเป็นเจ้าของกระบวนการรักษา

ประวัติการศึกษา

รากฐานทางวิชาการที่แข็งแรงทำให้การรักษามีกรอบคิดชัดเจนและอิงหลักฐานเชิงประจักษ์ อาจารย์ พิชญา ชาญนคร เริ่มเส้นทางแพทย์จากสถาบันชั้นนำและต่อยอดความรู้เฉพาะทางอย่างต่อเนื่อง

  • 2007–2012 แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  • 2013–2015 วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขาจิตเวชศาสตร์ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา
  • 2018–2019 ปริญญาโทสาขา Ageing, Health and Disease Cardiff University สหราชอาณาจักร

ประสบการณ์เรียนรู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศช่วยให้หมอพลอยคุ้นเคยกับมาตรฐานสากลด้านจิตเวช และสามารถปรับใช้ให้เหมาะกับบริบทครอบครัวไทยได้เป็นอย่างดี

อาจารย์ พิชญา ชาญนคร

ประสบการณ์ทำงาน

การทำงานภาคสนามที่ต่อเนื่องทำให้แนวทางรักษาเป็นระบบและเข้าใจปัญหาหลากหลายระดับ ตั้งแต่วิกฤตเฉียบพลันจนถึงการติดตามคงสภาพ

  • 2015–2017 โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ ดูแลงานคลินิกและทำงานร่วมกับทีมสหสาขา
  • 2018–ปัจจุบัน สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา รับผิดชอบงานตรวจรักษา บำบัด และพัฒนาระบบบริการที่เน้นคุณภาพและความเป็นมนุษย์

ประสบการณ์ทั้งสองหน่วยงานเสริมให้ อาจารย์ พิชญา ชาญนคร เข้าใจข้อจำกัดจริงในชีวิตผู้ป่วย และรู้วิธีประสานงานกับครอบครัว สถานศึกษา และที่ทำงานเมื่อจำเป็น

ความเชี่ยวชาญทางคลินิก

ความสนใจทางคลินิกของหมอพลอยครอบคลุมตั้งแต่การดูแลผู้ใหญ่วัยทำงานจนถึงผู้สูงอายุ รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเสพติด โดยคัดเลือกวิธีรักษาที่เหมาะกับเป้าหมายและทรัพยากรของแต่ละคน

จุดเด่นคือการผสานเทคนิคหลายแนวทางอย่างยืดหยุ่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่จับต้องได้และยั่งยืนในชีวิตประจำวัน

ปรัชญาการรักษาและคุณค่าที่ถือมั่น

เมื่อพูดถึงการดูแลใจ หมอพลอยเชื่อว่าความไว้วางใจและความปลอดภัยทางอารมณ์คือเงื่อนไขแรกของการเปลี่ยนแปลง อาจารย์ พิชญา ชาญนคร จึงให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการวินิจฉัย วิธีรักษา และผลข้างเคียงของยา เพื่อให้ผู้ป่วยตัดสินใจบนข้อมูลจริงและรู้สึกคุมจังหวะชีวิตตนเองได้

อีกคุณค่าที่สำคัญคือการมองเห็น “จุดแข็ง” ของแต่ละคน แผนการรักษาจึงไม่ได้มุ่งลดอาการเพียงอย่างเดียว แต่ยังเสริมทักษะที่ช่วยให้ใช้ชีวิตได้มั่นคงขึ้น เช่น การนอน การจัดการความคิด และความสัมพันธ์ที่ปลอดภัย

กระบวนการรับบริการทีละขั้น

การเดินทางที่ชัดเจนช่วยให้ทุกฝ่ายคาดหวังตรงกันและวัดผลได้จริง หมอพลอยออกแบบขั้นตอนดังนี้

  1. นัดหมายและคัดกรองเบื้องต้น
    ทีมงานจะสอบถามอาการ ระยะเวลา ปัจจัยกระตุ้น และยาที่ใช้อยู่ เพื่อจัดเวลาพบแพทย์และเตรียมเอกสารประกอบให้พร้อม
  2. ซักประวัติและประเมินทางจิตเวช
    เก็บข้อมูลเชิงชีวภาพ จิตใจ และสังคมอย่างรอบด้าน หากจำเป็นอาจใช้แบบประเมินมาตรฐานเพื่อยืนยันข้อค้นพบ
  3. สรุปแผนรักษาร่วมกัน
    กำหนดเป้าหมายที่วัดผลได้ เลือกแนวทางระหว่างการใช้ยา จิตบำบัด หรือการผสานทั้งสอง พร้อมตัวชี้วัดความก้าวหน้า
  4. ติดตามผลและปรับแผน
    ประเมินผลตามระยะ ปรับยาและเทคนิคบำบัดตามอาการจริง พร้อมให้คำแนะนำด้านการนอน โภชนาการ การเคลื่อนไหว และการจัดการความเครียด

กลุ่มอาการที่ดูแลบ่อย

ผู้มาปรึกษามีพื้นเพและเป้าหมายต่างกัน จึงต้องเลือกแผนรักษาที่ “พอดี” กับชีวิตจริงของแต่ละคน

  • ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลที่ส่งผลต่อการทำงานและความสัมพันธ์
  • ปัญหาการนอน เช่น หลับยาก หลับตื้น หรือตื่นกลางดึก
  • ความเครียดเรื้อรังและภาวะหมดไฟจากงาน
  • ผลกระทบจากเหตุการณ์กระทบกระเทือนใจที่ยังค้างคา
  • ปัญหาเกี่ยวกับการใช้สารเสพติดหรือการกำเริบซ้ำ
  • ประเด็นด้านสมองและความจำในผู้สูงอายุ รวมถึงภาวะสับสนและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

เหตุผลที่แนว MBCT ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางใจ

MBCT เน้นทักษะสติที่ประยุกต์ใช้ได้จริง

Mindfulness Based Cognitive Therapy ช่วยให้ผู้ป่วยสังเกตความคิดและอารมณ์โดยไม่ตัดสิน เปิดพื้นที่ให้เลือกตอบสนองอย่างตั้งใจแทนการตอบโต้โดยอัตโนมัติ อาจารย์ พิชญา ชาญนคร ใช้ MBCT เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำของอาการและเพิ่มสมาธิระหว่างวัน

งานบ้านแบบสั้นที่วัดผลได้

หมอพลอยออกแบบงานบ้านสั้นๆ เช่น การหายใจแบบมีสติ การสแกนร่างกาย และการจดบันทึกสถานการณ์ที่กระตุ้นอารมณ์ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ ความคิด และพฤติกรรม จึงปรับเปลี่ยนได้ตรงจุด

Supportive Psychotherapy เมื่อใจต้องการที่พึ่ง

แนวทางนี้เหมาะกับช่วงที่ความทุกข์สูงหรือมีปัจจัยกดดันหลายด้านคราวเดียว บทบาทของแพทย์คือประคับประคองอารมณ์ เสริมพลังจุดแข็ง และจัดกิจวัตรที่ช่วยให้ชีวิตกลับสู่สมดุล อาจารย์ พิชญา ชาญนคร จะค่อยๆ ต่อเติมทักษะอื่นเมื่อผู้ป่วยรู้สึกมั่นคงมากขึ้น

การดูแลจิตเวชผู้สูงอายุ

พื้นฐานวิชาการด้าน Ageing, Health and Disease ทำให้หมอพลอยเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของสมอง ร่างกาย และบริบทครอบครัวในวัยสูงอายุเป็นอย่างดี แผนดูแลจึงคำนึงถึงยา โรคร่วม และความปลอดภัยในบ้าน รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้ดูแลเพื่อลดภาระและป้องกันการกำเริบ

ในหลายกรณีจะมีการประเมินความจำ การวางแผนกิจกรรมที่เหมาะสม และการสื่อสารกับสมาชิกครอบครัวเพื่อสร้างกติกาที่ทุกคนทำได้จริง แนวทางนี้ช่วยยืดคุณภาพชีวิตและลดความตึงเครียดของทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล

การดูแลจิตเวชและสารเสพติด

การใช้สารมักเชื่อมโยงกับความเครียด ความสัมพันธ์ และปัจจัยสังคม หมอพลอยจึงผสานการใช้ยาอย่างสมเหตุผลกับจิตบำบัดที่เสริมทักษะหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น วางแผนรับมือความอยาก และซ่อมแซมระบบสนับสนุนรอบตัว เป้าหมายคือการฟื้นคืนสมดุลชีวิตมากกว่าการห้ามอย่างเด็ดขาดโดยไม่เข้าใจที่มา

สิ่งที่ผู้ป่วยมักได้ฝึกระหว่างการรักษา

เพื่อให้ผลลัพธ์ยั่งยืน ทักษะที่ได้จากห้องตรวจต้องใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเครื่องมือที่หมอพลอยมักเลือกให้เหมาะกับแต่ละคนมีดังนี้

  • การบันทึกอารมณ์ เหตุการณ์ และความคิดอัตโนมัติ
  • เทคนิคการหายใจช้าและการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  • การตั้งเป้าหมายย่อยและการทบทวนผลทุกสัปดาห์
  • การสื่อสารเชิงสร้างสรรค์กับคนใกล้ชิดเพื่อลดความตึงเครียด
  • การปรับตารางการนอนและกิจกรรมเติมพลังที่ทำได้จริง

การทำงานเป็นทีมสหสาขา

หลายกรณีต้องอาศัยความร่วมมือจากแพทย์หลายด้าน อาจารย์ พิชญา ชาญนคร จึงทำงานร่วมกับนักจิตวิทยาคลินิก นักกิจกรรมบำบัด นักสังคมสงเคราะห์ และพยาบาลอย่างใกล้ชิด เมื่อได้รับความยินยอม อาจประสานสถานศึกษา ที่ทำงาน หรือหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อให้การสนับสนุนภายนอกสอดคล้องกับแผนรักษา

คำถามที่พบบ่อย

ต้องพบแพทย์กี่ครั้งจึงเห็นผล?

จำนวนครั้งขึ้นกับความซับซ้อนของปัญหาและความสม่ำเสมอในการทำงานบ้าน หลายเคสเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 4–6 สัปดาห์เมื่อมีการติดตามตามนัด

การใช้ยาจำเป็นเสมอหรือไม่?

ไม่จำเป็นเสมอไป เคสบางส่วนตอบสนองต่อจิตบำบัดและการปรับพฤติกรรมได้ดี ส่วนเคสที่อาการรุนแรงหรือเรื้อรังอาจได้ประโยชน์จากการผสานการใช้ยาอย่างเหมาะสม

หากยังไม่พร้อมเล่าเรื่องยากควรทำอย่างไร?

สามารถกำหนดขอบเขตการเล่าและจังหวะของการบำบัดได้เสมอ หมอพลอยจะเริ่มจากเรื่องที่ปลอดภัยและค่อยๆ ขยับไปสู่ประเด็นลึกเมื่อรู้สึกไว้วางใจ

แบบประเมินทางจิตวิทยาจำเป็นหรือไม่?

ไม่จำเป็นในทุกเคส แต่มีประโยชน์เมื่อข้อมูลซับซ้อนหรือจำเป็นต้องวัดผลอย่างเป็นระบบ การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและบริบทของแต่ละบุคคล

วิธีเตรียมตัวก่อนมาพบแพทย์

การเตรียมข้อมูลช่วยให้การประเมินแม่นยำและประหยัดเวลา

  • จดอาการ ระยะเวลา และสิ่งที่ทำให้อาการดีขึ้นหรือลดลง
  • เตรียมรายการยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรที่ใช้อยู่
  • ตั้งเป้าหมายสั้นๆ สองถึงสามข้อสำหรับเดือนแรก
  • หากเกี่ยวข้องกับครอบครัว ชวนผู้ดูแลหรือคู่ชีวิตมาร่วมในช่วงที่เหมาะสม

การใช้ยาอย่างสมเหตุผลและปลอดภัย

อาจารย์ พิชญา ชาญนคร อธิบายข้อดี ข้อจำกัด และผลข้างเคียงของยาอย่างโปร่งใส หลักการคือใช้ขนาดต่ำสุดที่ได้ผล ติดตามอาการสม่ำเสมอ และทบทวนความจำเป็นเป็นระยะ เมื่ออาการดีขึ้นจะค่อยๆ ปรับเพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงและคงคุณภาพชีวิตที่ต้องการ

สรุปและวิธีนัดหมาย

หมอพลอยคือจิตแพทย์ที่ผสานวิชาการกับประสบการณ์ภาคสนามอย่างลงตัว จุดแข็งอยู่ที่การดูแลแบบองค์รวม จัดแผนที่วัดผลได้ และการสื่อสารที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย หากต้องการเริ่มต้นดูแลใจ สามารถติดต่อช่องทางของคลินิกเพื่อรับคำแนะนำเรื่องขั้นตอน เอกสารที่ต้องเตรียม และช่วงเวลาที่เหมาะสม

อาจารย์ พิชญา ชาญนคร มุ่งหวังให้ทุกการพบเป็นก้าวเล็กๆ ที่ชัดเจนสู่ชีวิตที่สมดุลขึ้น เมื่อมีข้อมูลที่ถูกต้อง เครื่องมือที่เหมาะสม และทีมสนับสนุนที่เข้าใจ การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ

อ่านเพิ่มเติม:

Related articles