การนอนไม่หลับเรื้อรังทำให้พลังงาน ความจำ อารมณ์ และประสิทธิภาพการทำงานลดลง หลายคนลองยานอนหลับแล้วได้ผลเพียงระยะสั้น กลับมาวนลูปเดิมเมื่อหยุดยา CBT-I หรือ Cognitive Behavioral Therapy for Insomnia คือการบำบัดที่ปรับ ความคิด และ พฤติกรรม เกี่ยวกับการนอนอย่างเป็นระบบ เพื่อรีเซ็ตร่างกายให้กลับมานอนเป็นเวลา หลับง่ายขึ้น และตื่นขึ้นมาสดชื่น โดยไม่พึ่งยาเป็นหลัก เหมาะกับผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับต่อเนื่องหลายสัปดาห์จนกระทบชีวิตประจำวัน
สารบัญ
CBT-I คืออะไร ต่างจากยานอนหลับอย่างไร
หลักการของ CBT-I แบบเข้าใจง่าย
CBT-I เน้นสองแกนหลักคือ
- ปรับพฤติกรรม ให้เตียงและห้องนอนเชื่อมกับการหลับสนิทอีกครั้ง ผ่านกฎเวลาเข้านอน ตื่น และการจัดสภาพแวดล้อม
- ปรับความคิด ที่ทำให้กังวลเรื่องการนอน เช่น กลัวว่านอนไม่พอแล้วพังทั้งวัน จนยิ่งเกร็งและยิ่งหลับยาก
ทำไม CBT-I ถึงเหมาะกับอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง
- แก้ที่ต้นเหตุเชิงพฤติกรรมและความคิด ไม่เพียงกดอาการ
- สร้างทักษะที่ใช้ได้ในระยะยาว เมื่อหยุดทำก็ยังมีพื้นฐานกลับมาใช้ใหม่ได้
- ปรับให้เข้ากับตารางชีวิตจริงได้ ไม่ต้องพึ่งยาเป็นหลัก
เปรียบเทียบกับยานอนหลับแบบสั้นๆ
- ยา ออกฤทธิ์เร็ว เหมาะกับระยะสั้นหรือกรณีพิเศษ แต่เสี่ยงดื้อยาและมีผลข้างเคียง
- CBT-I ให้ผลต่อเนื่อง ยั่งยืน และช่วยลดความจำเป็นของยาในระยะยาว
ใครเหมาะกับบำบัดนอนไม่หลับ CBT-I และใครควรปรึกษาแพทย์ก่อน
เช็กลิสต์สั้นสำหรับผู้ที่เหมาะ
- นอนไม่หลับอย่างน้อยสัปดาห์ละสามคืน เกินสามสัปดาห์
- ใช้เวลาเข้านอนนานเกินสามสิบนาทีหรือตื่นกลางดึกบ่อย
- อาการกระทบชีวิตการทำงาน อารมณ์ ความจำ หรือความสัมพันธ์
กลุ่มที่ควรคุยกับแพทย์ก่อนเริ่ม
- มีโรคทางกายที่รบกวนการนอน เช่น หยุดหายใจขณะหลับ ขาอยู่ไม่สุข ปวดเรื้อรัง
- ใช้ยาแผนปัจจุบันที่กระทบการนอน ต้องปรับร่วมกับแพทย์
- ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีความผิดปกติด้านจิตเวชที่ต้องดูแลร่วมกัน
องค์ประกอบหลักของ CBT-I และวิธีลงมือทำ
Stimulus Control รีเซ็ตความสัมพันธ์ระหว่างเตียงกับการนอน
- ง่วงค่อยขึ้นเตียง เข้านอนเวลาเดิม ใกล้เวลาตื่นให้ลุกขึ้นแม้หลับยาก
- ถ้านอนไม่หลับเกินประมาณสิบห้าถึงยี่สิบนาที ให้ลุกจากเตียงไปทำกิจกรรมผ่อนคลายแสงน้อย แล้วกลับมานอนเมื่อรู้สึกง่วง
Sleep Restriction หรือ Time-in-Bed การจำกัดเวลาบนเตียงอย่างมีระบบ
- เริ่มจากให้เวลาบนเตียงใกล้เคียงกับเวลาที่หลับจริง เพื่อเพิ่มความกดดันการนอน
- ค่อยๆ ขยายเวลาบนเตียงทีละสิบห้าถึงสามสิบนาทีเมื่อประสิทธิภาพการนอนดีขึ้น
Cognitive Therapy ปรับความคิดที่ติดหล่ม
- จดความคิดอัตโนมัติ เช่น ถ้าไม่หลับพรุ่งนี้แย่แน่ แล้วโต้แย้งด้วยหลักฐานจริง
- สร้างข้อความแทนที่ที่สมจริง เช่น แม้คืนนี้นอนไม่ดีที่สุด ฉันยังเคลียร์งานสำคัญได้ด้วยการพักช่วงและดื่มน้ำให้พอ
Sleep Hygiene พฤติกรรมและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการหลับ
- งดคาเฟอีนช่วงบ่าย ลดแอลกอฮอล์ จัดแสงและอุณหภูมิห้องให้เหมาะ
- งดหน้าจอแสงจ้าก่อนนอนอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ใช้ไฟสลัวและกิจกรรมผ่อนคลายแทน
Relaxation Training เทคนิคผ่อนคลาย
- หายใจช้าแบบ 4–6 จังหวะ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อเป็นส่วนๆ หรือทำสมาธิแบบรับรู้ลมหายใจ
- จัด “พิธีการก่อนนอน” ที่คงที่ เช่น อาบน้ำอุ่น อ่านหนังสือเบาๆ จดสิ่งต้องทำพรุ่งนี้ลงกระดาษ
เตรียมตัวก่อนเริ่มโปรแกรม CBT-I
ทำ Sleep Diary อย่างน้อยหนึ่งถึงสองสัปดาห์
- บันทึกเวลาขึ้นเตียง หลับจริง ตื่นจริง ตื่นกลางดึกกี่ครั้ง และงีบกลางวัน
- คำนวณ Sleep Efficiency หรือเปอร์เซ็นต์เวลาหลับจริงเทียบกับเวลาบนเตียง เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ปรับโปรแกรม
ตั้งเป้าหมายการนอนที่วัดผลได้
- เริ่มจากเวลาตื่นคงที่ทุกวันก่อน แล้วค่อยปรับเวลาเข้านอน
- ตั้งเป้าหมายทีละขั้น เช่น เพิ่ม Sleep Efficiency ให้ถึงแปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์
ออกแบบกิจวัตรช่วงเย็น
- กำหนดเวลาหยุดงาน หยุดคาเฟอีน และลดแสงหน้าจอให้ชัดเจน
- สร้างสัญญาณทางร่างกายว่าใกล้เวลาหลับ เช่น ดับไฟบางส่วน เปิดเพลงผ่อนคลาย
โปรแกรม CBT-I มาตรฐาน ใช้เวลากี่สัปดาห์
โครงหลักสี่ถึงแปดสัปดาห์
- สัปดาห์แรก ประเมินและตั้งหน้าต่างเวลาบนเตียง
- สัปดาห์ต่อๆ ไป ปรับตาม Sleep Efficiency และแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
- ช่วงท้าย เน้นการคงผลลัพธ์และแผนรับมือวันที่ไม่เป็นไปตามแผน
เกณฑ์ปรับหน้าต่างเวลาบนเตียงตาม Sleep Efficiency
- ถ้าเกินแปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ติดต่อกันหลายคืน เพิ่มเวลาบนเตียงทีละเล็กน้อย
- ถ้าต่ำกว่าปลอดภัยที่กำหนด ลดเวลาบนเตียงหรือทบทวนกฎ Stimulus Control
ตัวอย่างการติดตามผล
- นัดรีวิวสัปดาห์ละครั้งหรือสองสัปดาห์ครั้งเพื่อแก้จุดติดขัด
- ใช้กราฟง่ายๆ จาก Sleep Diary เพื่อเห็นความก้าวหน้า
วิธีทำ CBT-I ที่บ้าน แบบทีละขั้นตอน
เลือกเวลาตื่นให้คงที่ทุกวัน
เวลาตื่นคือเสาหลักของนาฬิกาชีวภาพ ตื่นเวลาเดิมช่วยให้ร่างกายเรียนรู้จังหวะการนอนอย่างสม่ำเสมอ แม้คืนก่อนหน้าจะหลับยากก็ให้พยายามตื่นตามเวลานัดเดิม
กำหนดหน้าต่างเวลาบนเตียงให้พอดีกับเวลาหลับจริง
ตัวอย่าง ถ้าคุณหลับจริงราวห้าชั่วโมงครึ่ง ให้กำหนดเวลาบนเตียงใกล้เคียงนั้น เช่น หกชั่วโมง แล้วค่อยขยายทีละสิบห้าถึงสามสิบนาทีเมื่อประสิทธิภาพดีขึ้น
ใช้กฎออกจากเตียงเมื่อยังไม่หลับ
ถ้านอนนานเกินประมาณยี่สิบนาทีแล้วยังไม่หลับ ให้ลุกไปทำกิจกรรมเบาๆ แสงน้อย เช่น อ่านหนังสือที่ไม่กระตุ้น เมื่อเริ่มง่วงจึงกลับมานอน
สร้างกิจวัตรเข้านอนที่คงที่
กำหนดสคริปต์สั้นๆ ที่ทำซ้ำได้ทุกคืน เช่น อาบน้ำอุ่น ดื่มน้ำอุ่นเล็กน้อย จดสิ่งต้องทำพรุ่งนี้ ปิดหน้าจอ และเล่าเรื่องผ่อนคลายกับตัวเอง

อุปสรรคที่พบบ่อยระหว่างทำ CBT-I และวิธีแก้
งีบกลางวันยาวเพราะเมื่อคืนหลับยาก
ให้จำกัดการงีบไม่เกินยี่สิบนาทีและไม่ควรงีบช่วงบ่ายแก่ เพราะจะลดแรงขับการนอนของค่ำวันนั้น
ตื่นกลางดึกแล้วใจเต้นคิดงานไม่หยุด
เตรียมกระดาษและปากกาไว้จดสิ่งกังวลสั้นๆ แล้วพับเก็บ เพื่อบอกสมองว่าจัดการพรุ่งนี้ ใช้การหายใจช้าช่วยลดความตื่นตัว
สุดสัปดาห์ตารางพัง
พยายามคงเวลา ตื่น ให้ใกล้เคียงวันทำงาน ต่างได้เล็กน้อยเท่าที่จำเป็น เพื่อรักษาจังหวะชีวภาพ
ทำได้สองสามคืนแล้วท้อ
วางแผนรางวัลเล็กๆ และรีวิว Sleep Diary เพื่อเห็นความคืบหน้าที่วัดได้ ชวนคนใกล้ชิดช่วยกำกับและให้กำลังใจ
เครื่องมือและเช็กลิสต์ลงมือทำทันที
- ปฏิทินตั้งปลุกเวลาเดียวทุกวัน
- ไฟสลัวหรือโหมดแสงอุ่นสำหรับช่วงก่อนนอน
- สมุด Sleep Diary และปากกาวางข้างเตียง
- รายการเพลงผ่อนคลายหรือเสียงธรรมชาติ
- แอปจับเวลาเทคนิค Pomodoro ช่วงเย็นเพื่อปิดงานให้จบก่อนเวลาเข้านอน
เช็กลิสต์คืนนี้
- หยุดคาเฟอีนหลังบ่ายสอง
- ปิดหน้าจอสว่างหนึ่งชั่วโมงก่อนนอน
- เตรียมกิจวัตรสั้นๆ สามขั้นตอน
- ตั้งใจตื่นเวลาคงที่วันพรุ่งนี้
ตารางตัวอย่าง
ตาราง 1: ตัวอย่าง Sleep Diary 7 วัน
วัน | ขึ้นเตียง | หลับจริง | ตื่นจริง | ตื่นกลางดึก (ครั้ง) | งีบกลางวัน | เวลาอยู่บนเตียง (ชม.) | เวลาหลับจริง (ชม.) | Sleep Efficiency (%) |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
จันทร์ | 22:45 | 23:15 | 06:15 | 1 | 0 นาที | 7.50 | 7.00 | 93.3 |
อังคาร | 23:00 | 23:20 | 06:30 | 2 | 15 นาที | 7.50 | 7.17 | 95.6 |
พุธ | 22:30 | 22:50 | 06:10 | 0 | 0 นาที | 7.67 | 7.33 | 95.7 |
พฤหัสบดี | 23:20 | 23:40 | 06:10 | 1 | 10 นาที | 6.83 | 6.50 | 95.1 |
ศุกร์ | 00:00 | 00:20 | 06:40 | 2 | 0 นาที | 6.67 | 6.33 | 95.0 |
เสาร์ | 23:50 | 00:10 | 07:00 | 1 | 20 นาที | 7.17 | 6.83 | 95.3 |
อาทิตย์ | 22:40 | 23:05 | 06:00 | 0 | 0 นาที | 7.33 | 6.92 | 94.3 |
ตาราง 2: องค์ประกอบ CBT-I และสิ่งที่ต้องทำ
องค์ประกอบ | เป้าหมาย | วิธีทำแบบย่อ | เกณฑ์ปรับ |
---|---|---|---|
Stimulus Control | ให้เตียงเชื่อมกับการหลับ | ง่วงค่อยขึ้นเตียง ลุกออกเมื่อไม่หลับ | กลับเตียงเมื่อเริ่มง่วง |
Sleep Restriction | เพิ่มคุณภาพการหลับ | จำกัดเวลาบนเตียงใกล้เวลาหลับจริง | ปรับเพิ่มทีละ 15–30 นาทีเมื่อประสิทธิภาพดี |
Cognitive Therapy | ลดความกังวลเรื่องการนอน | จดและโต้แย้งความคิดติดลบ | ทบทวนทุกสัปดาห์ |
Sleep Hygiene | ลดสิ่งรบกวนการหลับ | งดคาเฟอีนบ่าย ลดหน้าจอ จัดแสงและอุณหภูมิ | ติดตามผลใน Sleep Diary |
Relaxation Training | ลดความตื่นตัวก่อนนอน | หายใจช้า ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ สมาธิสั้นๆ | ทำซ้ำทุกคืน |
ตาราง 3: โครงโปรแกรม CBT-I คู่มือ 6 สัปดาห์
สัปดาห์ | เป้าหมายหลัก | การบ้าน | เกณฑ์ปรับ |
---|---|---|---|
1 | ตั้งเวลาตื่นคงที่ กำหนดหน้าต่างเวลาบนเตียง | Sleep Diary รายวัน | ประเมิน Sleep Efficiency |
2 | ฝึก Stimulus Control อย่างจริงจัง | ใช้กฎลุกจากเตียง | ทบทวนปัญหาที่เจอ |
3 | เริ่ม Cognitive Therapy | จดความคิดและข้อความแทนที่ | เพิ่มเวลาบนเตียงถ้าประสิทธิภาพดี |
4 | เน้น Sleep Restriction | ปรับเวลา 15–30 นาที | ติดตามอารมณ์และพลังงาน |
5 | เสริม Relaxation Training | กิจวัตรผ่อนคลายทุกคืน | เก็บสถิติแนวโน้มการหลับ |
6 | แผนคงผลลัพธ์และวันแย่ | วางกลยุทธ์รับมือวันพัง | สรุปผลและวางแผนระยะยาว |
ตัวอย่างสคริปต์กิจวัตรก่อนนอน
เวอร์ชันยี่สิบนาที
- ปิดงานและเก็บโต๊ะให้เรียบร้อย
- อาบน้ำอุ่นและเปลี่ยนไฟเป็นโทนอุ่น
- จดสิ่งต้องทำพรุ่งนี้สามข้อ
- หายใจช้าและยืดเหยียดเบาๆ
- ขึ้นเตียงเมื่อเริ่มง่วง
เวอร์ชันสิบห้านาที
- ปิดหน้าจอและตั้งโทรศัพท์เป็นโหมดเงียบ
- อ่านหนังสือเบาๆ แสงสลัว
- หายใจสี่หกหกห้า และนอน
กรณีพิเศษและการปรับใช้
ผู้ทำงานเป็นกะ
- คงเวลาตื่นหลังการนอนหลักให้สม่ำเสมอเท่าที่ทำได้
- ใช้แว่นกันแสงจ้าเมื่อออกกะกลางคืนและเปิดแสงสว่างเมื่อถึงเวลาตื่น
ผู้มีภาระดูแลเด็กเล็ก
- ตั้งเวลาเข้านอนของเด็กให้สอดคล้องกิจวัตรของผู้ดูแล
- ถ้าต้องตื่นกลางดึก จัดเวรสลับกับคู่ชีวิตเพื่อลดการสะดุดหลายครั้ง
ผู้ที่มีความเครียดสูงช่วงโปรเจกต์
- เน้น Cognitive Therapy เพื่อเปลี่ยนภาษาคุยกับตนเอง
- ใช้เทคนิค Time Blocking ช่วงเย็นเพื่อจบงานก่อนเวลาเข้านอน
ตัวชี้วัดว่าคุณกำลังมาถูกทาง
- ใช้เวลาเข้านอนสั้นลงและตื่นกลางดึกลดลง
- อารมณ์และพลังงานตอนเช้าดีขึ้น แม้ชั่วโมงหลับจริงอาจยังไม่มาก
- การงีบกลางวันลดลงหรือหายไป
- รู้สึกควบคุมตารางการนอนได้มากขึ้น
สรุปภาพรวมบำบัดนอนไม่หลับ CBT-I
CBT-I ช่วยแก้ปัญหานอนไม่หลับเรื้อรังจากราก ด้วยการปรับพฤติกรรม เวลาบนเตียง และความคิดที่ทำให้ยิ่งกังวล ข้อดีคือยั่งยืนและปรับเข้ากับชีวิตจริงได้ เริ่มจากเวลาตื่นคงที่ ทำ Sleep Diary ใช้กฎออกจากเตียงเมื่อไม่ง่วง และค่อยๆ ขยายเวลาบนเตียงตามประสิทธิภาพ เมื่อทำต่อเนื่องสี่ถึงแปดสัปดาห์ คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนทั้งคุณภาพการหลับและคุณภาพชีวิตในภาพรวม
ข้อควรจำ บทความนี้ให้ข้อมูลเพื่อการดูแลตัวเองทั่วไป หากมีโรคประจำตัว อาการทางกายผิดปกติ หรือใช้ยาบางชนิด ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนปรับพฤติกรรมการนอน
คำถามที่พบบ่อย
ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
หลายคนเริ่มรู้สึกดีขึ้นภายในสองถึงสามสัปดาห์เมื่อทำตามกฎอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการคงเวลา ตื่น ให้คงที่ และใช้กฎออกจากเตียงเมื่อยังไม่หลับ ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ภายในสี่ถึงแปดสัปดาห์ตามโปรแกรมมาตรฐาน
ทำเองที่บ้านได้ไหม หรือควรมีผู้เชี่ยวชาญกำกับ?
ทำเองได้หากอาการไม่ซับซ้อนและยึดตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญจะช่วยปรับให้เข้ากับบริบทเฉพาะของคุณ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และลดโอกาสถอดใจกลางทาง จึงทำให้ผลลัพธ์มั่นคงกว่ามาก
ต้องงดคาเฟอีนกี่ชั่วโมงก่อนนอน?
แนะนำหยุดคาเฟอีนหลังช่วงบ่ายต้นเพื่อให้ฤทธิ์ค่อยๆ ลดลงก่อนเข้านอน นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลังและช็อกโกแลตช่วงค่ำ และทดสอบว่าปริมาณเท่าไรเริ่มกระทบการนอนในตัวคุณเอง
ถ้านอนไม่หลับเพราะเครียดจากงาน ควรเริ่มจากอะไร?
เริ่มจากกำหนดเวลาหยุดงานที่แน่นอนในตอนเย็น จดงานที่กังวลไว้และจัดลำดับสำหรับพรุ่งนี้ แล้วทำกิจวัตรผ่อนคลายสั้นๆ ก่อนนอน เสริมด้วยการจดความคิดอัตโนมัติและข้อความแทนที่เพื่อคลายความกังวล
ใช้ยานอนหลับร่วมกับ CBT-I ได้หรือไม่?
บางกรณีแพทย์อาจให้ยาระยะสั้นเพื่อช่วยผ่านช่วงเริ่มต้นที่ยาก แต่เป้าหมายหลักคือค่อยๆ ลดความจำเป็นของยาเมื่อทักษะ CBT-I เริ่มทำงาน ควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
ทำอย่างไรถ้าต้องตื่นกลางดึกมาดูแลงานหรือเด็ก?
วางแผนล่วงหน้าว่าจะกลับไปนอนอย่างไร ใช้แสงสลัวและกิจกรรมเงียบๆ ระหว่างตื่นกลางดึก เมื่อเสร็จแล้วให้กลับไปใช้กฎ Stimulus Control และคงเวลาตื่นตอนเช้าให้ใกล้เคียงเดิม
หากคืนไหนพัง ควรชดเชยด้วยการนอนตื่นสายหรือไม่?
โดยทั่วไปไม่ควร เพราะจะทำให้จังหวะชีวภาพรวนไปอีก ให้คงเวลาตื่นเดิมและงดงีบยาวในวันถัดมา คืนนั้นคุณจะง่วงมากขึ้นและกลับเข้าสู่จังหวะได้เร็วกว่า
งานเป็นกะทำให้ทำ CBT-I ยาก ควรปรับอย่างไร?
เน้นคงเวลาตื่นหลังการนอนหลักให้สม่ำเสมอที่สุด ใช้แสงและความมืดช่วยกำกับนาฬิกาชีวภาพ และปรับหน้าต่างเวลาบนเตียงให้สอดคล้องกับรอบกะที่เปลี่ยน แนะนำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อออกแบบแผนเฉพาะ
อ่านเพิ่มเติม: