อาจารย์ ณัฏฐกานต์ โสรัตน์ นักจิตวิทยา

อาจารย์ ณัฏฐกานต์ โสรัตน์

อาชีพนักจิตวิทยาคือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้คนถอดเรื่องราวที่อัดแน่นในใจออกมาอย่างเป็นระบบ พร้อมช่วยมองเห็นทางเลือกที่เป็นไปได้ในชีวิตจริง
อาจารย์ ณัฏฐกานต์ โสรัตน์ ทำงานด้วยแนวคิดนี้มาตลอด โดยเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เมื่อมีความเข้าใจ ความหวัง และเครื่องมือที่เหมาะสมในมือของผู้รับบริการ

แนวทางการทำงานมุ่งเน้นการประเมินที่แม่นยำ การสื่อสารที่โปร่งใส และการร่วมออกแบบแผนบำบัดที่เหมาะกับเป้าหมายของแต่ละคน
การวัดผลอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้รับบริการเห็นพัฒนาการของตนเองและรู้สึกเป็นเจ้าของการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น

ประวัติการศึกษา

ช่วงเวลาบนเส้นทางวิชาการคือรากฐานสำคัญที่ทำให้การทำงานมีกรอบคิดชัดเจนและยึดหลักฐานเชิงประจักษ์
เธอเรียนรู้ทั้งทฤษฎี พฤติกรรมมนุษย์ และเครื่องมือเพื่อประเมินความคิดอารมณ์อย่างเป็นมาตรฐาน

  • 2011–2015 ศิลปศาสตรบัณฑิต เอกจิตวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
    พื้นฐานด้านจิตวิทยาแน่นแฟ้นช่วยวางโครงในการประเมินและวางแผนการช่วยเหลืออย่างมีเหตุผล
  • กำลังศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษา สาขาจิตวิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยมหิดล
    การต่อยอดความรู้ทำให้แนวทางบำบัดทันสมัยและเชื่อมโยงกับงานคลินิกในบริบทไทยได้อย่างเหมาะสม
อาจารย์ ณัฏฐกานต์ โสรัตน์

ประสบการณ์ทำงาน

การสัมผัสกับผู้คนในหลากหลายบริบทช่วยให้เข้าใจปัญหาได้รอบด้าน
เส้นทางอาชีพของเธอจึงผสมผสานทั้งบทบาทแนะแนว การทำงานในโรงพยาบาล และการสอนเชิงปฏิบัติ

  • 2015–2017 ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการศึกษา และวิทยากรแนะแนวให้เยาวชน
    การทำงานใกล้ชิดกับนักเรียนและผู้ปกครองทำให้เข้าใจความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านของวัยเรียน
  • 2017–2018 นักจิตวิทยาฝึกปฏิบัติการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
    ประสบการณ์คลินิกจริงช่วยฝึกการประเมิน การดูแลภาวะเฉียบพลัน และการทำงานข้ามทีมสหวิชาชีพ
  • 2018–ปัจจุบัน นักจิตวิทยาคลินิกปฏิบัติการ และอาจารย์พิเศษ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา
    บทบาทในหน่วยงานเฉพาะทางทำให้ได้พัฒนาแนวทางบริการที่ชัดเจน วัดผลได้ และเป็นมิตรกับผู้รับบริการ

ความเชี่ยวชาญและแนวทางบำบัด

เป้าหมายคือออกแบบการช่วยเหลือที่พอดีกับชีวิตจริงและทรัพยากรของแต่ละคน
เธอคัดเลือกเทคนิคที่มีหลักฐานรองรับและสามารถผสานเข้าด้วยกันได้อย่างยืดหยุ่น

  • การทดสอบทางจิตวิทยาคลินิก
    ใช้แบบทดสอบมาตรฐานเพื่อทำความเข้าใจบุคลิกภาพ การทำงานทางสติปัญญา และรูปแบบอารมณ์ ช่วยยืนยันสมมติฐานและกำหนดแผนบำบัดอย่างตรงจุด
  • จิตบำบัดแบบประคับประคอง Supportive Psychotherapy
    เหมาะกับภาวะที่ความทุกข์สูง ต้องการการพยุงอารมณ์และการฟื้นพลังใจอย่างเร่งด่วน พร้อมวางกิจวัตรที่ทำได้จริง
  • EMDR Therapy ระดับ Introduction, I และ II
    แนวทางสำหรับบาดแผลทางใจที่ค้างคา ช่วยประมวลผลความทรงจำที่ยังส่งผลต่อปัจจุบันด้วยโครงสร้างที่ปลอดภัยและเป็นขั้นตอน
  • Satir Transformation Systemic Therapy
    มองปัญหาในกรอบความสัมพันธ์ครอบครัว ชวนสำรวจรูปแบบการสื่อสารและบทบาทของสมาชิก เพื่อสร้างข้อตกลงใหม่ที่ลดความตึงเครียด
  • Cognitive Behavioral Therapy หรือ CBT
    เน้นระบุความคิดอัตโนมัติที่คงอาการไว้อย่างเป็นระบบ แล้วทดลองพฤติกรรมใหม่ที่สร้างผลเชิงบวก
  • Mindfulness Based Cognitive Therapy หรือ MBCT
    ผสานสติกับเครื่องมือจาก CBT เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นทางใจและป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

ปรัชญาการทำงานที่ยึดถือ

การดูแลที่ดีเริ่มจากการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน
เธอให้ความสำคัญกับการตัดสินใจร่วมกัน ข้อตกลงที่ชัดเจน และความปลอดภัยทางอารมณ์ในทุกช่วงของการบำบัด

อีกคุณค่าที่ถือมั่นคือการสื่อสารอย่างโปร่งใส ทั้งเรื่องเป้าหมาย วิธีทำงาน และการวัดผล
เมื่อข้อมูลชัดเจน ผู้รับบริการจะกล้าทดลองพฤติกรรมใหม่และรู้สึกคุมจังหวะการเปลี่ยนแปลงของชีวิตได้เอง

กลุ่มปัญหาที่ดูแลบ่อย

ผู้มารับบริการมักมีเป้าหมายต่างกัน แต่ทุกคนต้องการเห็นความคืบหน้าที่จับต้องได้
เธอจึงจัดแผนให้เหมาะกับวัย บริบท และทรัพยากรของแต่ละคน

  • ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และความเครียดจากงานหรือการเรียน
  • ปัญหาการนอน วงจรพักผ่อนเสียสมดุล และความเหนื่อยล้าสะสม
  • ความขัดแย้งในครอบครัวหรือคู่สัมพันธ์ที่กระทบอารมณ์และการตัดสินใจ
  • ประสบการณ์กระทบกระเทือนใจที่ยังส่งผลต่อปัจจุบัน
  • พฤติกรรมหลีกเลี่ยง ผัดวันประกันพรุ่ง และความยากในการโฟกัส

รายการนี้เป็นเพียงตัวอย่าง เพื่อเริ่มต้นพูดคุยสามารถนัดประเมินเบื้องต้นและเลือกแนวทางที่เหมาะสมได้

กระบวนการรับบริการทีละขั้น

ความชัดเจนทำให้การเดินทางราบรื่นและวัดผลได้
กระบวนการถูกออกแบบเป็นขั้นตอนที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์ชีวิตจริง

  1. นัดหมายและคัดกรองเบื้องต้น
    ทีมงานสอบถามอาการ ระยะเวลา ปัจจัยกระตุ้น และสิ่งที่ช่วยให้อาการดีขึ้น เพื่อวางเวลาพบที่เหมาะสมและแนะนำเอกสารที่ควรเตรียม
  2. สัมภาษณ์และประเมินทางจิตวิทยา
    เก็บประวัติแบบองค์รวมทั้งชีวภาพ จิตใจ และสังคม อาจใช้แบบทดสอบมาตรฐานเพื่อยืนยันข้อค้นพบ
  3. สรุปผลและวางแผนบำบัดร่วมกัน
    กำหนดเป้าหมายที่วัดผลได้ ระบุความถี่ในการพบ ตัวชี้วัดความก้าวหน้า และงานบ้านที่นำไปใช้จริง
  4. ดำเนินการบำบัดและติดตามผล
    ทบทวนความคืบหน้าตามระยะ ปรับเทคนิคตามอาการจริง และผสานงานกับสหวิชาชีพเมื่อจำเป็น

สิ่งที่ผู้รับบริการมักได้ฝึก

การบำบัดไม่หยุดที่ห้องให้คำปรึกษา แต่ต่อยอดสู่ชีวิตประจำวัน
ทักษะถูกปรับให้เข้ากับเป้าหมายของแต่ละคนเพื่อให้เกิดผลยั่งยืน

  • การจดบันทึกความคิดและหลักฐาน เพื่อจัดการความคิดอัตโนมัติ
  • เทคนิคหายใจช้า ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และสังเกตสัญญาณร่างกาย
  • การสื่อสารเชิงสร้างสรรค์กับคนใกล้ชิดเพื่อลดความตึงเครียด
  • การวางแผนกิจกรรมเติมพลังที่สอดคล้องกับค่านิยมส่วนตัว
  • การฝึกสติช่วงสั้นระหว่างวันเพื่อเพิ่มความจดจ่อและฟื้นตัวจากความเครียด

จุดเด่นของ EMDR สำหรับแผลใจ

เมื่อความทรงจำจากเหตุการณ์รุนแรงยังคงกระตุ้นอารมณ์อย่างรุนแรง การประมวลผลด้วย EMDR ช่วยให้สมองจัดเก็บประสบการณ์ใหม่อย่างปลอดภัย
โครงสร้างที่ชัดเจนทำให้ผู้รับบริการคุมจังหวะได้ และสามารถเชื่อมโยงความเข้าใจใหม่เข้ากับชีวิตปัจจุบัน

เทคนิคดังกล่าวทำงานร่วมกับทักษะดูแลตนเอง เช่น การหายใจ การกรอบความคิดใหม่ และการตั้งขอบเขต
การผสานหลายเครื่องมือช่วยลดการกำเริบและเสริมความรู้สึกมั่นคงระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน

เหตุผลที่ CBT และ MBCT ใช้งานได้จริง

CBT ช่วยให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมอย่างจับต้องได้
การบ้านที่ชัดเจนทำให้เกิดการทดลองพฤติกรรมใหม่ในบริบทจริงและวัดผลได้เป็นรูปธรรม

MBCT เพิ่มมิติของสติ ทำให้สังเกตความคิดโดยไม่ตัดสินและเลือกตอบสนองอย่างตั้งใจ
การใช้ร่วมกับ CBT จึงเสริมทั้งทักษะจัดการอาการและความยืดหยุ่นทางใจระยะยาว

การทำงานร่วมกับครอบครัวด้วยกรอบ Satir

ปัญหาหลายอย่างโยงกับระบบความสัมพันธ์ในบ้าน
การสำรวจรูปแบบการสื่อสารและบทบาทของสมาชิกช่วยให้เห็นเหตุซ้ำที่ทำให้เกิดความตึงเครียด

การซ้อมบทสนทนาและตกลงกติกาใหม่ร่วมกันทำให้บรรยากาศปลอดภัยขึ้น
เมื่อสมาชิกฟังกันด้วยความเคารพ การเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมจึงเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน

การประสานงานแบบทีมสหวิชาชีพ

ผู้รับบริการอาจต้องการทรัพยากรหลายด้านในช่วงเวลาต่างกัน
จึงมีการทำงานร่วมกับจิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก นักกิจกรรมบำบัด นักสังคมสงเคราะห์ และพยาบาล

เมื่อได้รับความยินยอมอาจประสานโรงเรียนหรือที่ทำงานเพื่อให้การสนับสนุนสอดคล้องกับแผนบำบัด
การเดินไปในทิศทางเดียวกันของทุกฝ่ายทำให้ผลลัพธ์มั่นคงและต่อเนื่องกว่า

จรรยาบรรณและความเป็นส่วนตัว

ข้อมูลของผู้รับบริการได้รับการคุ้มครองตามมาตรฐานวิชาชีพ
ทุกขั้นตอนมีการอธิบายอย่างโปร่งใสและขอความยินยอมก่อนดำเนินการเสมอ

การรักษาความลับและการเคารพขอบเขตส่วนตัวช่วยให้ผู้คนกล้าสำรวจเรื่องยาก
บรรยากาศที่ปลอดภัยจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญของการเยียวยาและการเรียนรู้ทักษะใหม่

คำถามที่พบบ่อย

การบำบัดเหมาะกับใคร?

เหมาะกับผู้ที่รู้สึกว่าความคิดหรืออารมณ์เริ่มกระทบการเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์
หากยังไม่แน่ใจสามารถเริ่มจากการประเมินเบื้องต้นเพื่อดูทางเลือกที่เหมาะสมได้

ต้องพบกี่ครั้งจึงเห็นผล?

จำนวนครั้งแตกต่างไปตามความยากของประเด็นและความสม่ำเสมอในการฝึกทักษะ
หลายเคสเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นในช่วงสี่ถึงหกสัปดาห์เมื่อมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง

จำเป็นต้องทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาหรือไม่?

ไม่จำเป็นในทุกเคส แต่มีประโยชน์เมื่อข้อมูลซับซ้อนหรือจำเป็นต้องวัดผลอย่างเป็นระบบ
การเลือกใช้จะพิจารณาตามเป้าหมาย วัย และบริบทของแต่ละบุคคล

ถ้ายังไม่พร้อมพูดเรื่องยากควรทำอย่างไร?

สามารถบอกขอบเขตที่ต้องการได้เสมอ
กระบวนการบำบัดจะค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากประเด็นที่รู้สึกปลอดภัยก่อนแล้วจึงค่อยสำรวจเรื่องลึกเมื่อพร้อม

วิธีเตรียมตัวก่อนมาพบ

การเตรียมตัวเล็กน้อยช่วยให้การพบมีประสิทธิภาพและประหยัดเวลา
ผู้รับบริการสามารถทำสิ่งต่อไปนี้ก่อนการนัดหมาย

  • จดเหตุการณ์สำคัญ อารมณ์ที่เกิดขึ้น และปัจจัยที่ทำให้อาการดีขึ้นหรือแย่ลง
  • เตรียมรายการยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรที่ใช้อยู่
  • ตั้งเป้าหมายย่อยที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในช่วงเดือนแรก
  • หากเกี่ยวข้องกับครอบครัว ชวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาร่วมในช่วงที่เหมาะสม

บทบาทของการให้ความรู้และการป้องกัน

การเข้าใจกลไกของอาการช่วยลดความกังวลและทำให้ดูแลตนเองได้ดีขึ้น
เธอจึงให้ความสำคัญกับสื่อความรู้สั้น กระชับ และนำไปใช้ได้จริงสำหรับทั้งผู้รับบริการและครอบครัว

การป้องกันการกลับเป็นซ้ำจะถูกพูดคุยตั้งแต่ช่วงกลางของการบำบัด
เน้นตัวชี้วัดเตือนภัยระดับบุคคล แผนดูแลตนเอง และช่องทางติดต่อเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน

วิธีนัดหมายและการเริ่มต้น

การเริ่มต้นพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญคือก้าวแรกที่สำคัญของการดูแลใจ
สามารถติดต่อผ่านช่องทางของคลินิกเพื่อรับคำแนะนำเรื่องขั้นตอน เอกสารที่ต้องเตรียม และช่วงเวลาที่เหมาะสม

เมื่อพร้อมแล้วการนัดหมายครั้งแรกจะช่วยวางแผนภาพรวมของการดูแล
จากนั้นจะร่วมกันกำหนดเป้าหมาย ทักษะที่ต้องฝึก และตัวชี้วัดความก้าวหน้าในระยะต่อไป

สรุป

อาจารย์ ณัฏฐกานต์ โสรัตน์ ทำงานด้านสุขภาพจิตด้วยความเข้าใจมนุษย์และความมุ่งมั่นในวิชาชีพ
เธอเชี่ยวชาญการประเมินทางจิตวิทยาคลินิก EMDR CBT Satir และ MBCT พร้อมประสบการณ์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา

แนวทางการทำงานให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางอารมณ์ การตัดสินใจร่วมกัน และการวัดผลที่ชัดเจน
หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญที่เดินไปกับคุณอย่างเป็นขั้นตอนและเข้าใจชีวิตจริง การนัดหมายเพื่อปรึกษาคือจุดเริ่มต้นที่เหมาะสมที่สุด

Related articles