นางฐปนีย์ ฟูมูลเจริญ เป็นนักจิตวิทยาคลินิกที่ทำงานกับผู้คนในวัยและบริบทที่หลากหลาย โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางอารมณ์ การรับฟังอย่างลึกซึ้ง และการออกแบบแผนบำบัดที่เหมาะกับตัวบุคคล บทบาทหลักของเธอคือการประเมินทางจิตวิทยาอย่างเป็นระบบ ควบคู่กับการทำจิตบำบัดหลายแนวทางเพื่อช่วยให้ผู้รับบริการเข้าใจตนเองและจัดการความยากของชีวิตได้ดีขึ้น แนวทางการทำงานเน้นหลักฐานเชิงประจักษ์ ประสบการณ์ภาคสนาม และจรรยาบรรณวิชาชีพที่เข้มแข็ง
สารบัญ
ประวัติการศึกษา
เส้นทางวิชาการของนางฐปนีย์เริ่มจากรากฐานที่มั่นคงด้านจิตวิทยา ก่อนต่อยอดสู่ความเชี่ยวชาญทางคลินิกในระดับมหาบัณฑิต ช่วงเวลาของการเรียนรู้ทำให้เธอได้รับทั้งองค์ความรู้เชิงทฤษฎี เครื่องมือประเมิน และทักษะการสื่อสารเพื่อดูแลผู้รับบริการอย่างรอบด้าน
- 1993–1997 ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับสอง
- 1997–2002 วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาจิตวิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยมหิดล
การศึกษาที่มีทั้งมุมมองเชิงวิชาการและงานวิจัยช่วยให้เธอเข้าใจความซับซ้อนของพฤติกรรมมนุษย์อย่างลึกซึ้ง ตลอดจนสามารถแปลผลการประเมินเพื่อวางแผนการบำบัดที่แม่นยำและเป็นรูปธรรม

ประสบการณ์ทำงาน
เส้นทางอาชีพของนางฐปนีย์เติบโตจากงานภาครัฐและหน่วยงานเฉพาะทางที่ต้องใช้ทักษะหลากหลาย การทำงานกับกลุ่มวัยเด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ ทำให้เธอเห็นมิติปัญหาที่แตกต่างกันและรู้วิธีปรับใช้เทคนิคให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
- 1999–2002 สถานพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดอุดรธานี ทำงานกับทีมสหวิชาชีพเพื่อประเมิน พัฒนาแผนช่วยเหลือ และฟื้นฟูศักยภาพของเด็กและเยาวชน
- 2002–ปัจจุบัน สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต รับผิดชอบงานประเมินทางจิตวิทยา จิตบำบัดรายบุคคล กลุ่มบำบัด และพัฒนาระบบบริการร่วมกับทีมสาธารณสุข
ประสบการณ์ในระบบสุขภาพจิตของรัฐทำให้เธอคุ้นเคยกับปัญหาที่หลากหลาย ตั้งแต่ความเครียดในที่ทำงาน ความสัมพันธ์ในครอบครัว ไปจนถึงอาการวิตกกังวลและอารมณ์ซึมเศร้า ความยืดหยุ่นในการปรับเทคนิคให้สอดคล้องกับบริบทจริงคือจุดแข็งสำคัญของเธอ
ความเชี่ยวชาญและแนวทางการบำบัด
นางฐปนีย์เลือกใช้แนวทางบำบัดที่เหมาะสมกับลักษณะปัญหา เป้าหมาย และพลังทรัพยากรของผู้รับบริการ โดยสามารถผสานหลายเทคนิคอย่างยืดหยุ่นในกระบวนการดูแล
- การทดสอบทางจิตวิทยาคลินิก ใช้แบบทดสอบมาตรฐานเพื่อทำความเข้าใจบุคลิกภาพ ความคิด อารมณ์ และการทำงานของสติปัญญา ช่วยยืนยันสมมติฐานและวางแผนบำบัดได้ตรงจุด
- จิตบำบัดแบบประคับประคอง มุ่งเสริมพลังและความสามารถในการเผชิญปัญหา ลดทุกข์เฉียบพลัน และเพิ่มทักษะการดูแลตนเองในชีวิตประจำวัน
- แนวคิดแห่งซาเทียร์เพื่อการแปรเปลี่ยนระบบ ครอบครัวและความสัมพันธ์เป็นหัวใจของแนวทางนี้ ใช้การสื่อสารที่เปิดเผยและเคารพกันเพื่อลดความตึงเครียดและสร้างรูปแบบปฏิสัมพันธ์ใหม่
- การบำบัดความคิดและพฤติกรรม เน้นระบุรูปแบบความคิดอัตโนมัติที่ทำให้ทุกข์ ฝึกทักษะปรับความคิดและทดลองพฤติกรรมใหม่ที่สร้างผลเชิงบวก
- การบำบัดโดยใช้การแสดงออก ใช้ศิลปะ การเคลื่อนไหว หรือบทบาทสมมุติเป็นสื่อ เพื่อเชื่อมต่ออารมณ์และประสบการณ์ภายในอย่างปลอดภัย
- กลุ่มบำบัด เรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นที่มีประเด็นใกล้เคียงกัน เกิดพลังการสนับสนุนและข้อสะท้อนที่ช่วยเห็นมุมมองใหม่
- กิจกรรมฝึกพุ่งสมอง หรือโปรแกรมฝึกการทำงานเชิงความคิด มุ่งพัฒนาความจำ สมาธิ การวางแผน และการยืดหยุ่นทางความคิดให้ดีขึ้น
เมื่อเริ่มต้นการดูแล เธอจะช่วยกำหนดเป้าหมายร่วมกัน วัดผลระหว่างทาง และปรับแผนอย่างต่อเนื่อง วิธีทำงานแบบร่วมมือทำให้ผู้รับบริการรู้สึกเป็นเจ้าของการเปลี่ยนแปลง และเห็นความก้าวหน้าที่ชัดเจนตามเวลาที่เหมาะสม
ปรัชญาการทำงานและคุณค่าที่มุ่งยึดถือ
หัวใจของการทำงานของนางฐปนีย์คือการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความแตกต่างเฉพาะบุคคล เธอเชื่อว่าทุกคนมีพลังในการฟื้นตัว หากได้รับพื้นที่ปลอดภัยและแนวทางสนับสนุนที่เหมาะสม การให้ข้อมูลอย่างโปร่งใสและการตัดสินใจร่วมกันเป็นหลักการสำคัญ เพื่อให้ผู้รับบริการเข้าใจทางเลือกของตนเองและเลือกก้าวที่เหมาะกับชีวิตจริง
อีกมุมหนึ่งที่เธอให้ความสำคัญคือการสร้างทักษะที่นำไปใช้ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการจัดการความคิด การดูแลอารมณ์ การสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ หรือการจัดการความเครียดในที่ทำงาน ทักษะเหล่านี้ช่วยให้ผู้รับบริการกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงมากขึ้น
ประเด็นปัญหาที่พบได้บ่อยในการดูแล
ผู้มาขอรับบริการมักมีเป้าหมายแตกต่างกัน ตั้งแต่การคลายทุกข์เฉียบพลันไปจนถึงการพัฒนาตนเองระยะยาว นางฐปนีย์มีประสบการณ์กับปัญหาหลากหลาย ดังนี้
- ความวิตกกังวล อาการตื่นตระหนก หรือความกังวลเรื้อรังที่กระทบการทำงานและความสัมพันธ์
- ภาวะอารมณ์ซึมเศร้า ความรู้สึกหมดพลัง และการจัดการความคิดเชิงลบ
- ความเครียดจากงาน การปรับตัวกับบทบาทใหม่ และภาวะหมดไฟ
- ความยากลำบากในความสัมพันธ์ภายในครอบครัว คู่สัมพันธ์ หรือทีมงาน
- ประเด็นพฤติกรรมและอารมณ์ในวัยรุ่น รวมถึงทักษะผู้ปกครองที่ช่วยสนับสนุนลูก
- ปัญหาการนอน การควบคุมสมาธิ และการบริหารเวลาในชีวิตประจำวัน
รายการข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่าง ผู้รับบริการสามารถปรึกษาเพื่อประเมินเบื้องต้นและเลือกแนวทางที่เหมาะกับตนเองได้
กระบวนการรับบริการตั้งแต่เริ่มจนจบ
การเริ่มต้นอย่างเป็นระบบช่วยให้การดูแลเป็นไปอย่างราบรื่น โปร่งใส และตรวจสอบความคืบหน้าได้
- นัดหมายและคัดกรองเบื้องต้น
ทีมงานจะสอบถามข้อมูลพื้นฐานและเป้าหมายเบื้องต้น เพื่อวางแผนเวลาที่เหมาะสมและเตรียมเอกสารที่จำเป็น - สัมภาษณ์และประเมินทางจิตวิทยา
นางฐปนีย์จะรับฟังประวัติอย่างเป็นระบบ พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยด้านความคิด อารมณ์ และสิ่งแวดล้อม อาจใช้แบบทดสอบมาตรฐานเพื่อประกอบข้อค้นพบ - สรุปผลและวางแผนการบำบัด
ร่วมกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน วิธีการบำบัดที่เหมาะสม ความถี่ของการพบ และตัวชี้วัดความก้าวหน้า เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเดินไปในทิศทางเดียวกัน - ดำเนินการบำบัดและติดตามผล
มีการทบทวนผลทุกระยะ ปรับเทคนิคตามความจำเป็น และส่งต่อหรือผสานงานกับสหวิชาชีพเมื่อจำเป็น เพื่อให้การดูแลครอบคลุม
บทบาทในหน่วยงานและการทำงานแบบทีม
ในสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา นางฐปนีย์ทำงานร่วมกับจิตแพทย์ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ และนักกิจกรรมบำบัด การประเมินและแผนการดูแลจึงสอดคล้องกันทั้งทีม ช่วยให้ผู้รับบริการได้รับการดูแลครบวงจร ตั้งแต่การประเมิน วางแผนบำบัด ไปจนถึงการติดตามผลและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จรรยาบรรณและความเป็นส่วนตัว
ความลับของผู้รับบริการคือหลักการที่ยึดถืออย่างเคร่งครัด เอกสารและข้อมูลทุกอย่างถูกจัดการตามมาตรฐานวิชาชีพ การเก็บรักษาข้อมูลอย่างปลอดภัยและการขอความยินยอมก่อนดำเนินการใดๆ ทำให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ว่าตนเองได้รับการดูแลด้วยความเคารพและความเป็นมืออาชีพ
คำถามที่พบบ่อย
ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนมาพบ?
แนะนำให้จดบันทึกเหตุการณ์หรืออาการที่อยากปรึกษา รวมถึงสิ่งที่ทำให้ดีขึ้นหรือแย่ลง ถ้ามีประวัติการรักษาหรือผลประเมินเดิมให้นำมาด้วย การเตรียมเป้าหมายคร่าวๆ จะช่วยให้การพูดคุยมีทิศทางและใช้เวลาได้คุ้มค่า
ต้องพบกี่ครั้งจึงเห็นผล?
จำนวนครั้งแตกต่างกันตามความยากของประเด็นและเป้าหมายของแต่ละคน ประเด็นเฉียบพลันอาจต้องการเพียงไม่กี่ครั้ง ส่วนเป้าหมายเชิงลึกด้านความสัมพันธ์หรือรูปแบบความคิดเรื้อรังอาจใช้เวลานานขึ้น การประเมินเป็นระยะช่วยให้เห็นความก้าวหน้าและปรับแผนได้เหมาะสม
แบบทดสอบทางจิตวิทยาจำเป็นเสมอหรือไม่?
ไม่จำเป็นเสมอ การสัมภาษณ์เชิงคลินิกอาจเพียงพอในหลายกรณี อย่างไรก็ตาม แบบทดสอบมาตรฐานจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการทำความเข้าใจ และเป็นประโยชน์มากในกรณีที่ข้อมูลซับซ้อนหรือจำเป็นต้องใช้ผลอ้างอิงประกอบแผนการดูแล
ความแตกต่างระหว่างการบำบัดรายบุคคลและกลุ่มบำบัด?
รายบุคคลช่วยเจาะลึกปัจจัยเฉพาะตัวและสามารถปรับเทคนิคได้ละเอียด ส่วนกลุ่มบำบัดให้โอกาสได้รับข้อสะท้อนจากผู้อื่น ฝึกการสื่อสาร และได้พลังการสนับสนุนจากประสบการณ์ร่วมกัน การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความพร้อมของผู้รับบริการ
หากรู้สึกไม่พร้อมพูดเรื่องยาก ควรทำอย่างไร?
สามารถบอกความกังวลและขอบเขตที่ต้องการได้เสมอ นางฐปนีย์ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางอารมณ์ จึงจะค่อยๆ วางโครงสร้างการสนทนาและใช้เทคนิคที่ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกคุมจังหวะของกระบวนการได้
วิธีนัดหมายและการติดต่อ
หากต้องการปรึกษาหรือรับบริการกับนางฐปนีย์ สามารถติดต่อผ่านช่องทางของคลินิกที่ท่านสะดวก ทีมงานจะช่วยแนะนำขั้นตอนการนัดหมาย เอกสารที่ต้องเตรียม และช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้การเริ่มต้นเป็นไปอย่างราบรื่นและตรงตามความต้องการ
สรุป
นางฐปนีย์ ฟูมูลเจริญ เป็นนักจิตวิทยาคลินิกชำนาญการพิเศษที่ผสานองค์ความรู้ทางวิชาการ ประสบการณ์ภาคสนาม และความเข้าใจมนุษย์เข้าด้วยกัน เธอมีทักษะในการประเมินทางจิตวิทยาที่แม่นยำ และใช้แนวทางบำบัดหลากหลาย เช่น การบำบัดความคิดและพฤติกรรม แนวทางซาเทียร์ การบำบัดโดยใช้การแสดงออก กลุ่มบำบัด และโปรแกรมฝึกการทำงานเชิงความคิด จุดมุ่งหมายคือช่วยให้ผู้รับบริการเข้าใจตนเอง เห็นทางเลือกใหม่ และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในชีวิตประจำวัน หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานอย่างเป็นระบบ มีจรรยาบรรณ และให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว นางฐปนีย์คือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมเดินไปกับคุณบนเส้นทางการดูแลใจอย่างมืออาชีพ